ซึ่งถ้าเราดูแลผิวพรรณและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแล้วผิวก็ยังดูสุขภาพไม่ดี ก็สามารถเติมวิตามินลงไปเพื่อให้ผิวสวยจากภายในสู่ภายนอกดังต่อไปนี้
วิตามินเพื่อผิวสวยสุขภาพดี
1. วิตามินซี
เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ๆ วิตามินซีมีส่วนที่สำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย เช่น เซลล์เนื้อเยื้อ กระดูก ข้อเข่า ช่วยสร้างภูมิต้านทานภายในร่างกายให้ต่อสู้กับเชื้อโรค ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กจากพืช เป็นต้น ซึ่งวิตามินซีประโยชน์มากมายหลายประการต่อร่างกาย ส่วนประโยชน์ทางด้านผิวพรรณจากงานวิจัยพบว่า ช่วยต่อสู้กับริ้วรอยบนผิวหนัง ทำให้ผิวชุ่มชื่น กระจ่างใส ป้องกันเม็ดสีที่เข้มให้จางลง ซึ่งควรทานวิตามินซี วันละ 1,000 มก.
ซึ่งถ้าหากขาดวิตามินซีจะมีผลกระทบต่อร่างกาย เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเส้นเอ็น ปวดเส้น เลือดออกตามไร้ฟัน แผลหายช้า ซึ่งแหล่งของวิตามินซีนั้นเราสามารถรับเข้าร่างกายได้จากการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง ๆ อย่างเช่นในผลไม้ ได้แก่ ส้ม มะนาว ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ มะขามป้อม เป็นต้น ส่วนวิตามินซีจากผัก ได้แก่ บล็อกคอรี่ ผักคะน้า ผักโขม ใบมะรุม ซึ่งการรับประทานวิตามินซี ควรทานอย่างพอเหมาะและควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่าควรรับประทานเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อร่างกาย ซึ่งแต่ละคนต้องการไม่เท่ากัน โดยการตรวจหาค่าวิตามินจากผลเลือดว่ามีมากหรือน้อยเพียงใด ซึ่งในผู้ที่ขาด อาจทานวิตามินเสริมได้ แต่ถ้าในผู้ที่ไม่ได้ขาดหรือมีมากอยู่แล้วจากการทานอาหารปกติ ก็ไม่จำเป็นที่ต้องซื้อวิตาซีมาทานเพราะทานเข้าไปก็จะมากเกินไปหรือเป็นการสิ้นเปลื้องโดยเช่นเหตุ
2. วิตามินอี
ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลที่มีประสิทธิภาพสูงอีกด้วยตัวหนึ่ง ช่วยในการปกป้องและบำรุงผิวในการต่อสู้กับแสงแดดซึ่งร่างกายจะดูดซึมแสงแดดให้เข้าสู่ผิวหนังน้อยลง ซึ่งปกติร่างกายของเราจะผลิตวิตามินอีผ่านต่อมไขมัน และวิตามินอีละลายในไขมัน โดยวิตามินอีช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ จากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งวิตามินอีมีส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณ โดยเพิ่มความชุ่มชื่น ชะลอรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา รอยดำได้ดี และมีส่วนช่วยลดไขมันไม่ดีอย่าง LDL บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และต่อสู้กับเซลล์เนื้องอกหรือเซลล์ที่จะกลายพันธุ์ไปเป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยลดสารก่อมะเร็ง
อาหารที่มีวิตามินอีสูงอย่างพืชตระกูลถั่วและเมล็ดธัญพืช เช่น ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น ส่วนในพืชผักผลไม้ เช่น อะโวคาโด กีวี คะน้า ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง พริกหวาน บล็อกคอรี่ ในเนื้อสัตว์ อย่างในปลาน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู เป็นต้น และในผู้ที่มีการขาดวิตามินอี จะทำให้ภูมิต้านทานไม่ดี กล้ามเนื้ออ่อนแรง จ่อประสาทตาเสื่อม และในผู้ที่รับประทานมากเกินไปก็จะทำให้เลือดแข็งตัวยาก ซึ่งในผู้ที่จะผ่าตัดหรือทำฟันต้องหยุดวิตามินอีก่อนทำฟันหรือผ่าตัด 1- 2 อาทิตย์
3. วิตามินดี
เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งวิตามินดีช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสสู่ร่างกาย บำรุงระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ช่วยป้องกันกระดูดพรุน วิตามินดีสามารถสร้างจากเซลล์ผิวหนังซึ่งรับแสงจากรังสียูวีบีจากแสงอาทิตย์ แล้วร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินดี มีส่วนช่วยในการแบ่งเซลล์ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว บำรุงผิวพรรณให้ชุมชื่นอ่อนเยาว์ นอกจากช่วยในการบำรุงผิวแล้ว
ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายให้อึดมากขึ้น และครีมที่ใส่วิตามินดีช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง นอกจากนี้วิตามินดียังช่วยในระบบภูมิต้านทาน ต่อสู้กับแบคทีเรีย ไวรัส ควบคุมระดับในตาลในเลือด บำรุงระบบทางเดินอาหาร หลอดเลือด เส้นเลือด ลดอัตราความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยลดความเครียด กลุ่มที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินดี คือ ในคนกลุ่มที่มีผิวสีเข้ม กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคอ้วนหรือผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ในกลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคตับ จึงควรได้รับวิตามินดีวันละ 600 IU ต่อวัน
#เคล็ดลับความงาม #สวยหล่อดูดี #วิตามินบำรุงผิว